สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกติดตั้งสายไฟเบอร์ออฟติก

Last updated: 13 Jun 2024  |  455 Views  | 

สายไฟเบอร์ออฟติก

สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกติดตั้งสายไฟเบอร์ออฟติก

ใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกอย่างมั่นใจไปกับปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม

ใครหลายคนอาจจะทราบกันมาบ้างว่าสิ่งที่เรียกว่าสายไฟเบอร์ออฟติก (Fiber Optic Cable), สาย Optic หรือที่เรานิยมเรียกกันว่าสายใยแก้วนำแสงนี้ จัดเป็นสายนำสื่อสัญญาณที่จะคอยส่งสัญญาณแสงจากอุปกรณ์ต้นทางไปสู่อุปกรณ์ปลายทางเพื่อให้กลายเป็นสัญญาณข้อมูลไฟฟ้าอีกครั้ง ซึ่งสายไฟเบอร์ออฟติกนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในการใช้งานเพื่อส่งข้อมูลภายในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือการสื่อสารระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

แต่การเลือกใช้งานสิ่งที่เรียกว่า “สายไฟเบอร์ออฟติก” หากเราเลือกใช้ผิดประเภท อาจจะทำให้ผลลัพธ์ที่เราได้นั้นไม่มีคุณภาพอย่างที่ควรจะเป็น ชวนทุกคนทำความเข้าใจกับ 5 สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกติดตั้งสายไฟเบอร์ออฟติกให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เพื่อที่เราจะสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุดกันเลย

5 สิ่งที่ต้องพิจารณาให้ดี ก่อนเลือกใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติก

1.เลือกประเภทของสายไฟเบอร์ออฟติกที่เหมาะกับการใช้งานของเรา
สำหรับสายไฟเบอร์ออฟติกนี้ได้ถูกออกแบบมาให้สามารถแบ่งออกได้ถึง 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ สายไฟเบอร์ออฟติกชนิด Single Mode และ สายไฟเบอร์ออฟติก ชนิด Multimod ซึ่งจะมีส่วนประกอบที่เหมือนกันคือ ท่อแก้วภายนอก (Cladding) และส่วนที่เป็นท่อแก้วภายในที่จะคอยทำหน้าที่ลำเลียงสัญญาณ (Core)

แม้ว่าส่วนประกอบของสายทั้ง 2 ชนิดจะมีความเหมือนกัน แต่ได้มีการแบ่งขนาดของ Core ที่ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งจะมีผลต่อความเหมาะสมในการใช้งาน เนื่องจากการเดินทางของแสงสัญญาณที่ลำเลียงไปไม่เหมือนกัน โดยสายไฟเบอร์ออฟติกทั้ง 2 ประเภทจะมีคุณสมบัติเด่น ๆ ที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • สายไฟเบอร์ออฟติกชนิด Single Mode สายชนิดนี้จะมีแกนกลางขนาดเล็กและส่งข้อมูลด้วยแสงเพียงหนึ่งโหมด โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางของแกนท่อแก้ว (Core) ที่มีขนาดเล็กเพียง 9 ไมครอน ทำให้แสงนั้นเดินทางค่อนข้างตรง ซึ่งจะช่วยให้สามารถส่งข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก ในระยะเวลาที่รวดเร็ว และไกลได้หลาย 10 กิโลเมตรเลยทีเดียว มีความยาวคลื่นแสงอยู่ที่ 1300 - 1500 นาโนเมตร (nm) เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความเร็วสูงและระยะทางไกล อย่างเช่น การใช้งานในโครงข่ายสัญญาณสำหรับการเชื่อมต่อกับสถานีหลักของระบบสื่อสาร หรือการเชื่อมต่อระหว่างศูนย์ข้อมูล
  • สายไฟเบอร์ออฟติกชนิด Multi Mode สายชนิดนี้จะมีแกนกลางที่ใหญ่กว่าและสามารถส่งข้อมูลด้วยแสงหลายโหมดพร้อมกัน มีเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อแก้ว (Core) อยู่ที่ 62.5 ไมครอน ซึ่งจะทำให้แสงมีการเดินทางที่กระจัดกระจาย ส่งผลให้เกิดการหักล้างของแสง สามารถส่งข้อมูลได้สั้นกว่า มีความยาวคลื่นที่ใช้ส่งข้อมูลอยู่ที่ 850 - 1300 นาโนเมตร (nm) เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการส่งข้อมูลในระยะสั้นถึงปานกลาง อย่างเช่น การใช้งานภายในอาคารหรือระหว่างอาคารที่อยู่ใกล้เคียงกัน การใช้ส่งสัญญาณภายในอาคารที่ไม่ต้องการเดินสายในระยะทางที่ไกล

2.ประเมินความต้องการใช้งาน Banwidth 
Bandwitdh (แบนด์วิดท์) คือปริมาณการรับส่งข้อมูล (Data-Transfer) เป็นสิ่งสำคัญที่เราจำเป็นต้องพิจารณาเมื่อเลือกติดตั้งสายไฟเบอร์ออฟติก เพราะปริมาณข้อมูลที่ต้องการส่งผ่านและความเร็วในการรับส่งข้อมูลนั้นมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของเครือข่ายที่เราใช้งาน 

หากการใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกของเรานั้นต้องการ Bandwidth ที่สูง อย่างเช่นต้องการสตรีมมิ่งวิดิโอความละเอียดสูงที่ต้องการความเร็วในการส่งข้อมูลจำนวนมากเพื่อให้ภาพและเสียงนั้นมีความคมชัด หรือการใช้งานในศูนย์ข้อมูลที่มีการรับส่งข้อมูลอย่างต่อเนื่องและต้องการความเสถียรสูง การเลือกใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกชนิด Single Mode จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า เนื่องจากสามารถรองรับ Bandwidth ได้สูงและสามารถส่งข้อมูลได้ในระยะไกลโดยมีการสูญเสียสัญญาณ (ค่า Loss) ที่ต่ำมากนั่นเอง

3.ประเมินระยะทางที่ต้องการติดตั้งสายไฟเบอร์ออฟติก
ระยะทางในการติดตั้งนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อการเลือกใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกโดยตรง เนื่องจากระยะทางสามารถส่งผลต่อการสูญเสียสัญญาณและประสิทธิภาพในการส่งข้อมูลนั่นเอง โดยสำหรับสายไฟเบอร์ออฟติกชนิด Multi Mode สามารถส่งข้อมูลได้ไม่เกิน 500 เมตร ถึง 2 กิโลเมตร  เหมาะกับการใช้งานที่ไม่ไกลมากนักอย่างเช่นการสื่อสารในระยะสั้นภายในตึกหรือระหว่างอาคาร

ในขณะเดียวกันนั้นสำหรับสายไฟเบอร์ออฟติกชนิด Single Mode จะสามารถส่งข้อมูลได้ในระยะไกลกว่า สามารถส่งข้อมูลได้ในระยะ 5 - 120 กิโลเมตร โดยไม่ต้องใช้ตัวขยายสัญญาณข้อมูล ทำให้เหมาะกับการส่งข้อมูลระหว่างเมืองหรือระหว่างศูนย์ข้อมูลนั่นเอง

4.ควรเลือกใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกที่ได้รับมาตรฐาน มอก. 
การเลือกใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกที่ได้รับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมไทย หรือ มอก. เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่เราควรพิจารณาเลยทีเดียว เนื่องจากสามารถหมายถึงการยืนยันว่าผลิตภัณฑ์สายไฟเบอร์ออฟติกนั้นได้ผ่านการทดสอบและเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด โดยมีคุณภาพและความปลอดภัยที่เหมาะสมต่อการใช้งาน อีกทั้งยังสามารถช่วยในการลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาที่อาจจะเกิดจากการใช้สายไฟเบอร์ออฟติกที่ไม่มีคุณภาพ เช่น การสูญเสียสัญญาณ ความเสียหายที่เกิดจากการดัดงอของวัสดุ หรืออาจจะเกิดการเสื่อมสภาพของสายไฟเบอร์ออฟติกก่อนเวลาอันสมควรได้เช่นเดียวกัน 

โดยสัญลักษณ์ มอก. ที่เราควรมองหาในสายไฟเบอร์ออฟติก นั้นก็คือ มอก. 2165 - 2548 และ มอก. 2166 - 2548 ที่เป็นเลขที่มาตรฐานของเคเบิลเส้นใยนำแสงโทรคมนาคมนั่นเอง 

5.เลือกใช้บริการกับผู้ให้บริการสายไฟเบอร์ออฟติกคุณภาพโดยตรง
การใช้บริการสายไฟเบอร์ออฟติกกับผู้ให้บริการที่มีคุณภาพนั้น สามารถรับประกันในเรื่องของคุณภาพสายไฟเบอร์ออฟติกและบริการหลังการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว สามารถช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าการใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกมีความทนทาน และคุณสมบัติในการส่งข้อมูลได้อย่างมีคุณภาพ

ในกรณีที่หากเกิดปัญหาหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติก เราก็จะยังได้รับการช่วยเหลือและการแก้ไขอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัดนั่นเอง ตัวอย่างเช่น Ontech ที่เราคืออีกหนึ่งผู้ให้บริการด้านสายไฟเบอร์ออฟติกคุณภาพ จัดจำหน่ายสินค้าประเภทสายไฟเบอร์ออฟติก สายแลนอินเตอร์เน็ต สาย connector ต่าง ๆ สำหรับระบบโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต อุปกรณ์ไฟเบอร์ออฟติก Fiber Optic Splitter รวมไปถึงอุปกรณ์จัดเก็บและติดตั้งภายนอก เช่น maxcell pull box กัลวาไนซ์ ตู้ odf ฯลฯ ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นได้รับลิขสิทธิ์แท้จากเจ้าของโดยตรง รับประกันได้ถึงคุณภาพและอายุการใช้งานที่ยาวนาน 

นอกจากนี้เรายังมีทีมงานมืออาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านสายไฟเบอร์ออฟติกโดยเฉพาะ มีความรู้และประสบการณ์มาอย่างยาวนาน สามารถให้คำแนะนำ ปรึกษากับผู้ที่สนใจเลือกใช้งานสาย Optic ได้อย่างตรงจุด มั่นใจได้เลยว่าระบบเครือข่ายของคุณจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เหมาะสมกับการใช้งานอย่างแน่นอน

เราจะเห็นได้ว่าการพิจารณาเลือกติดตั้งสายไฟเบอร์ออฟติกนั้น มีหลากหลายปัจจัยด้วยกันที่เราควรคำนึงถึง เพราะการใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกนั้นจะส่งผลต่อการใช้งานของผู้ใช้งานได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของประสิทธิภาพการส่งสัญญาณ ความเสถียรของสัญญาณที่ได้รับ ฯลฯ

ดังนั้นเราควรพิจารณาอย่างละเอียดว่าสายไฟเบอร์ออฟติกที่เรากำลังมองหานั้น เหมาะสมกับการใช้งานอย่างแท้จริงหรือไม่ หากท่านใดที่ยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกใช้งานสายไฟเบอร์ออฟติกแบบใดดีถึงจะเหมาะกับการใช้งานของเรา แนะนำได้เลยว่าการเลือกใช้บริการปรึกษากับผู้ให้บริการสายไฟเบอร์ออฟติกโดยตรง ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกคุณไม่ควรมองข้ามเลย

สนใจสั่งซื้อสายแลน cat6 คุณภาพดี สอบถามราคาสายแลนเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 02-279-7337, 02-279-7361 | อีเมล : ontech.mail2557@gmail.com, info@ontech.co.th

    

 

Powered by MakeWebEasy.com
This website uses cookies for best user experience, to find out more you can go to our Privacy Policy  and  Cookies Policy